เวียตเจ็ท รายงานผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี ชี้เติบโตสูงทั้งรายได้และการดำเนินงาน

เวียตเจ็ท รายงานผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี ชี้เติบโตสูงทั้งรายได้และการดำเนินงาน

เวียตเจ็ทรายงานผลประกอบการธุรกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 ระบุบริษัทมีการเติบโตอย่างมากในธุรกิจหลักคือการขนส่งทางอากาศและจากรายได้เสริม


 

รายได้จากการขนส่งทางอากาศของไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 8,588 พันล้านดอง (ประมาณ 12,000 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับ 5,648 พันล้านดอง (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) ของช่วงเดียวกันในปี 2017 (เพิ่มขึ้น 52.05%) ผลกำไรก่อนหักภาษีของจากการขนส่งทางอากาศในไตรมาสที่ 2 มากกว่า 950 พันล้านดอง (ประมาณ 1,350 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับ 661 พันล้านดอง (ประมาณ 940 ล้านบาท) ของไตรมาสที่ 2 ปีที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 43.7%) ในขณะที่รายได้จากธุรกิจเสริมมีอัตร่าสวนเพิ่มขึ้นที่ 24% หรือราว 540 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

จำนวนผู้โดยสารในไตรมาสที่ 2 สูงขึ้น 28% จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นผู้โดยสารในประเทศ 4.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.7% และเป็นผู้โดยสารต่างประเทศอีก 1.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 96% จากช่วงเดียวกันในปี 2017 เนื่องจากสายการบินมีการบริหารจัดการราคาขายให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด ขณะที่การขนส่งทางอากาศในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นมากกว่า 52% ส่งผลต่อการดำเนินงานมากกว่า 43% ในสถาณการณ์ที่ราคาน้ำมัน (MOPS JET A1) เพิ่มขึ้นจาก 82.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ไปที่ 88.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทมีความมั่นคงแม้น้ำมันมีราคาสูงขึ้น โดยผ่านการบริหารอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร การประหยัดต้นทุนการดำเนินงาน และการเพิ่มรายได้เสริม

 

รายได้ธุรกิจการขนส่งทางอากาศรวม 6 เดือนแรกของปี 2018 อยู่ที่ 16,478 พันล้านดอง (ประมาณ 23,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 52.6% โดยผลกำไรจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศอยู่ที่ 1,686 พันล้านดอง (ประมาณ 2,400 ล้านบาท)  เพิ่มขึ้น 53.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2017 และคิดเป็น 56.2% ของแผนที่ตั้งไว้สำหรับปี 2018

 

ความสำเร็จนี้เกิดจากการเพิ่มจำนวนฝูงบิน ซึ่งรวมถึงเครื่องบินแอร์บัส A321 Neo รุ่นใหม่ และการขยายเส้นทางบินให้ไกลยิ่งขึ้นไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกระหว่างการบิน ส่วนรายได้จากธุรกิจเสริมในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 อยู่ที่ 3,807 พันล้านดอง (ประมาณ 5,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 50%  เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกในปี 2017

 

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2018 เวียตเจ็ทยังคงมีจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศเวียดนามมากที่สุด ทำการบินมากถึง 59,944 เที่ยว เพิ่มขึ้นกว่า 22% โดยมีอัตราส่วนความน่าเชื่อถือทางเทคนิคอยู่ที่ 99.66% ส่วนตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพความปลอดภัยของเที่ยวบิน การดำเนินงานภาคพื้น ก็ยังคงมีอัตราสูงสุดในภูมิภาค โดยมีสถิติการบินตรงตามเวลาสูงถึง 83%

 

รายได้รวมของทุกธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกปี 2018 อยู่ที่ 21,197 พันล้านดอง (ประมาณ 30,000 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 29% จากปีที่ผ่านมา ผลกำไรก่อนหักภาษีของเวียตเจ็ทของครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,378 พันล้านดอง (ประมาณ 3,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 26%

         

ตามแผนที่ตั้งไว้สำหรับปี 2018 เวียตเจ็ทจะรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 17 ลำ โดยในช่วง 6 เดือนแรก เวียตเจ็ทรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321 มาแล้ว 4 ลำ ส่วนในครึ่งหลังของปี จะรับมอบอีก 13 ลำ ซึ่งจะส่งผลให้เวียตเจ็ทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการรับมอบเครื่องบินเหล่านี้

 

ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เวียตเจ็ทได้ทำสัญญาสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX จำนวน 100 ลำ มูลค่ารวม 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเครื่องบินรุ่น A321 Neo จำนวน 50 ลำ รวมมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ งบินใหม่นี้จะถูกนำมาให้บริการเที่ยวบินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบินอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอัพเกรดบริการให้ทันสมัย ลดการใช้พลังงานตามเป้าหมายภายในปี ค.ศ. 2025 และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรการบินในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

 

การใช้เครื่องบินรุ่นใหม่ในการดำเนินงานช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้ถึง 15% รวมถึงการใช้โปรแกรมการบริหารจัดการประสิทธิภาพและการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศ ทำให้เวียตเจ็ทสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายบัตรโดยสารในสกุลเงินต่างประเทศ เพิ่มรายได้จากธุรกิจเสริม และลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิง เนื่องจากราคาน้ำมันในต่างประเทศมีราคาถูกกว่าตลาดในประเทศเวียดนามกว่า 30% นอกเหนือจากการบริหารอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของเส้นทางบินภายในประเทศแบบยืดหยุ่นในช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับเส้นทางบินระหว่างประเทศและการให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำในต่างประเทศ ช่วยให้เวียตเจ็ทสามารถยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และสร้างความมั่นคงในด้านรายรับของบริษัท

 

ในไตรมาสที่ 2 เวียตเจ็ทได้ดำเนินการก่อสร้างสถาบันการบินซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับบริษัทแอร์บัสเสร็จสมบูรณ์แล้วโดยขณะนี้กำลังติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับเริ่มเปิดดำเนินงานในไตรมาสหน้า เพื่อรองรับการฝึกอบรมเต็มรูปแบบ ตลอดจนช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนของการฝึกอบรมนักบินตามปกติ

 

ด้วยผลการดำเนินงานเชิงบวกในช่วง 6 เดือนแรกและการเตรียมความพร้อมการดำเนินงานขั้นตอนต่าง ๆ ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2018 จึงมั่นใจได้ว่า เวียตเจ็ทจะสามารถดำเนินงานได้ทะลุเป้าเกินกว่าที่กำหนดไว้ในแผนสำหรับปี 2018 อย่างแน่นอน

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line