ไทยเบฟ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง DJSI World ตอกย้ำเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรยั่งยืนระดับโลก

ไทยเบฟ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง DJSI World ตอกย้ำเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรยั่งยืนระดับโลก

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจร พร้อมต่อยอดความสำเร็จอย่างยั่งยืนสู่ระดับโลก ด้วยการได้รับคัดเลือกจาก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ให้เป็นที่ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าดัชนี DJSI นั้นมีความน่าเชื่อถือได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกและมีบริษัทเข้าร่วมการประเมินเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับความเชื่อถือจาก นักลงทุนและกองทุนระดับโลกในวงกว้าง


กุญแจสู่ความสำเร็จที่ทำให้บริษัทจากประเทศไทยอย่าง“ไทยเบฟ”ก้าวขึ้นมายืนเป็นที่ 1 ของโลก ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ส่วนสำคัญมาจากการขับเคลื่อนองค์กรภายใต้วิสัยทัศน์ 2020 ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต(Creating and sharing the value of growth) ซึ่ง“การบริหารห่วงโซ่คุณค่า” (Value Chain Management) ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ทำให้องค์กรระดับสากลอย่าง DJSI เล็งเห็นถึงความโดดเด่น และความสำเร็จในการพัฒนาความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดดล้อมและสังคมของไทยเบฟ บริษัทมีความมุ่งมั่นใน การพัฒนาการบริการจัดการห่วงโซ่คุณค่าให้มีระบบที่ดียิ่งขึ้น โดยดูแลตั้งแต่ การจัดหาวัตถุดิบในการผลิต บรรจุภัณฑ์การขนส่งสินค้าถึงผู้บริโภค ตลอดจนการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค ซึ่งจุดเด่นของไทยเบฟคือแนวทางใน การทำงานร่วมกับคู่ค้าหรือ Supplier ในการพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน(Co-Innovation) ทั้งด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การจัดซื้อ การเก็บข้อมูล เพื่อสร้างการเติบโตให้เกิดร่วมกันระหว่างองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

ซึ่งการที่องค์กรจะสร้างการแบ่งปันคุณค่าได้นั้น “นวัตกรรมแบบเปิด” หรือ “Open Innovation” ถือเป็นแนวทางการเชื่อมโยงองค์ความรู้ที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนแก่บริษัทและส่วนรวมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาของไทยเบฟเป็นแกนหลักร่วมกับหน่วยงานภายนอก อาทิเช่น องค์กรอิสระ คู่ค้า มหาวิทยาลัย ในการเสริมสร้างและต่อยอดองค์ความรู้ให้เกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ บริษัท เบฟเทค(BevTech) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับกลุ่มบริษัทในเครือไทยเบฟ โดยมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพด้านกระบวนการ ด้านการบริหารต้นทุน ด้านควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้สอดรับกับยุคอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งปัจจุบันนี้โรงงานโออิชิมีการใช้ระบบ Automation แล้วกว่าร้อยละ 90

การลงทุนพัฒนานวัตกรรมนี้เองที่จะเป็นกลไกต่อยอดสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้  “แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy)” ที่ไทยเบฟมุ่งมั่นพัฒนาและแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการเชื่อมโยงการจัดการของเสียเพื่อสร้างความยั่งยื่นด้านสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมให้ผู้บริโภครวมถึงพนักงานให้มีส่วนร่วมในการลดของเสีย การจัดการบรรจุภัณฑ์หลังจากการบริโภค การพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าของเสีย และการจัดการของเสียอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมาไทยเบฟสามารถลดการใช้ทรัพยากรบรรจุภัณฑ์หลักได้กว่า 831,124 ตัน นับเป็นแนวทางการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่สร้างความยั่งยืนในวงกว้าง

การสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่คุณค่านั้น นอกจากต้องสร้างการเติบโตด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมแล้ว ความเข้มแข็งของสังคมก็ถือเป็นอีกหนึ่งด้านที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งการเข้ามาพัฒนาชุมชนนับเป็นความท้าทายของไทยเบฟที่นำแนวคิด “สร้างคุณค่าสู่สังคม” หรือ “Creating value for society” มาขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สร้างประโยชน์ คุณค่าและกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก

การเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทาง “พลังประชารัฐ” ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอบโจทย์การวัดผลการสร้างความยั่งยืนด้านสังคมของ DJSI ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเข้าไปพัฒนาชุมชนและปรับแนวคิดการสร้างรายได้ในระยะแรกนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ด้วยความตั้งใจและการวางกลยุทธ์ในการสร้างเครือข่ายที่ชัดเจน จึงทำให้เกิดโครงการระดับประเทศมากมาย เช่น “โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนานวัตกรรมการผลิตและแปรรูปสินค้าจากผ้าขาวม้า โดยจัดประกวดชิ้นงาน จัดงานสัมมนาให้ความรู้ด้านการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ จัดการสนับสนุนนำผ้าขาวม้าทอมือไปสู่เวทีแฟชั่นระดับโลก ณ ประเทศญี่ปุ่น และการพัฒนาสินค้าและเชื่อมโยงช่องทางการขายสู่องค์กรขนาดใหญ่ โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาโครงการนี้สามารถสร้างยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าทอมือให้แก่ 519 ชุมชน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000,000 บาท และนอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินโครงการ ไทยเบฟร่วมสร้างชุมชนดีมีรอยยิ้ม ภายใต้แนวคิดความสุขที่เพิ่ม รายได้มั่นคง ไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีชุมชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้แล้วกว่า 49,562 หมู่บ้าน

ไทยเบฟ เชื่อมั่นว่าการสร้างความยั่งยืนสู่เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม แก่นหลักคือต้องเกิดจากใจที่มุ่งมั่นพัฒนาจากภายในองค์กร สู่การพัฒนาอย่างยั่งยื่นและตอบสนองความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุภาคส่วนของเราให้ได้ โดยผลการประเมิน DJSI ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นว่า ไทยเบฟ มุ่งมั่นเพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร มุ่งสู่การเป็นผู้นำทางด้านเครื่องดื่มครบวงจรของอาเซียน และพร้อมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกอย่างแท้จริง

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line