เคล็ดไม่ลับติดอันดับ 5 ท็อปซัพพลายเชนในยุโรป ปี 2018

เคล็ดไม่ลับติดอันดับ 5 ท็อปซัพพลายเชนในยุโรป ปี 2018

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น เผยถึงการก้าวกระโดดข้าม 2 อันดับ จนขึ้นแท่นผู้นำอันดับที่ 5 ในทำเนียบ 15 ท็อปซัพพลายเชน ในทวีปยุโรป โดยได้มีการประกาศการจัดอันดับดังกล่าวในงานประชุมผู้นำด้านซัพพลายเชน ซึ่งเป็นงานประจำปีที่จัดโดยการ์ทเนอร์ ณ กรุงลอนดอน เมื่อเร็วๆ นี้


ทะยานสู่ท็อป 5 ของทำเนียบผู้นำยุโรปของการ์ทเนอร์

“เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ก้าวขึ้นสู่ท็อป 5 ของทำเนียบรายชื่อผู้นำในยุโรปของการ์ทเนอร์ โดยในปีที่ผ่านมานับว่าเป็นหนึ่งในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลที่เข้มข้นมากสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราได้เร่งปฏิรูปด้วยการปรับใช้ระบบโรงงานอัจฉริยะในยุโรป (และประเทศต่างๆ ทั่วโลก) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางไปสู่ซัพพลายเชน 4.0 ที่เชื่อมต่อและมอบความยั่งยืนในแบบที่ตรงต่อความต้องการเฉพาะของเรา ซึ่งรางวัลนี้เป็นผลมาจากความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนของพนักงานที่ดูแลด้านซัพพลายเชนทั่วโลก รวมถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานในการมอบคุณภาพและความเป็นเลิศด้านซัพพลายเชนให้กับลูกค้า” นายมัวราด ทามัวด์ รองประธานบริหาร การดำเนินงานโกลบอลซัพพลายเชน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว

นายมัวราด กล่าวต่อว่า “การติดตั้งโซลูชัน EcoStruxure™ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคที่ไซต์งานของเราเอง ยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จภายในองค์กร ในการริเริ่มปฏิรูประบบดิจิทัลให้กับลูกค้า โดยเราจะยังคงเดินหน้าติดตั้งระบบดิจิทัลในทั่วโลก เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ สร้างผลกระทบในเรื่องของประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านซัพพลายเชนของเรา เพื่อให้เกิดความเป็นเลิศในการดำเนินงาน พร้อมสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่ม เราจะยังคงเดินหน้าด้วยความรวดเร็วและสร้างนวัตกรรมเพื่อนำคุณค่ามามอบให้กับลูกค้าในโลกอุตสาหกรรมยุคดิจิทัลนี้”

นำคุณค่ามาสู่ลูกค้าในโลกอุตสาหกรรมดิจิทัล

ตามรายงานของการ์ทเนอร์ มีแนวโน้มหลักอยู่ 3 ประการ ที่บรรดาผู้นำด้านซัพพลายเชนในยุโรปต่างมีเหมือนกัน

  • การขยายความสามารถด้านดิจิทัลของซัพพลายเชน – โดยใช้ระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ (robotic automation) ใช้เซ็นเซอร์เป็นฐานในการมอนิเตอร์ เทคโนโลยีเสริมจริง (AR) และโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการมอบบริการที่ดีเลิศให้กับลูกค้า โดยมีการขยายจากโรงงาน คลังสินค้าและแบ็คออฟฟิศ นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการประสานงานได้อย่างสอดคล้องครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง (end-to-end) ตั้งแต่เรื่องของอุปสงค์ ย้อนกลับไปยังอุปทานทั้งในเรื่องการผลิตและการจัดหา
  • มีการประสานความร่วมมือที่ดีกับลูกค้า ทั้งการให้บริการและมอบประสบการณ์ที่ดี – มุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในภาพรวม ด้วยความเข้าใจถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า คาดการณ์ความต้องการในอนาคตได้ อีกทั้งตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น กระทั่งก่อนที่ปัญหานั้นๆจะเกิดขึ้น
  • มีความสามารถในการดูแลสอดส่องและติดตามการดำเนินการได้อย่างครบวงจรตลอดทั่วทั้งซัพพลายเชน – มีการดำเนินงานในระบบนิเวศธุรกิจ ด้วยมุมมองเชิงลึกในแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่ตอบสนองเพื่อให้งานราบรื่นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถคาดการณ์ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องให้อยู่ในทำเนียบท็อป 25 ซัพพลายเชนทั่วโลก ของการ์ทเนอร์ ประจำปี 2018 โดยได้รับการจัดอันดับสูงขึ้นถึง 5 อันดับ ให้อยู่ในอันดับที่ 12 จากการผลการสำรวจบริษัททั่วโลก ซึ่งได้มีการประกาศในงานประชุมผู้นำด้านซัพพลายเชน ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการจัดอันดับประจำปีของการ์ทเนอร์นั้นจะให้การยกย่องผู้นำทางด้านซัพพลายเชน โดยเน้นที่แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์กรเหล่านั้น

ตลอดปี 2017 ที่ผ่านมา การดำเนินงานด้านซัพพลายเชนทั่วโลกของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประกอบไปด้วยโรงงานผลิต 27 แห่ง ใน 44 ประเทศและมีศูนย์การกระจายสินค้า 98 แห่ง มีบุคลากรที่แข็งแกร่งกว่า 86,000 คน ที่คอยบริหารจัดการสายผลิตภัณฑ์ที่มีมากกว่า 260,000 ผลิตภัณฑ์ (ไม่แน่ใจว่าใช้ผลิตภัณฑ์แปลกมั้ย หรือใช้”ประเภท”) พร้อมดำเนินงานตามรายการสั่งซื้อมากกว่า 150,000 รายการในแต่ละวัน

 

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line