อะโดบีคาดวันหยุดปลายปียอดขายออนไลน์ในสหรัฐฯพุ่ง124พันล.ดอลลาร์

อะโดบีคาดวันหยุดปลายปียอดขายออนไลน์ในสหรัฐฯพุ่ง124พันล.ดอลลาร์

อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เปิดเผยข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับการซื้อสินค้าทางออนไลน์ในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี 2561 (1 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค.) โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Adobe Analytics ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Adobe Sensei  ทั้งนี้ อะโดบีคาดการณ์ว่ายอดขายทางออนไลน์ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 14.8 เปอร์เซ็นต์ และแตะระดับ 124.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดค้าปลีกออฟไลน์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 เปอร์เซ็นต์* และไซเบอร์มันเดย์ (Cyber Monday) จะสร้างสถิติใหม่ โดยเป็นวันที่มียอดช้อปปิ้งออนไลน์สูงสุดและเติบโตเร็วที่สุดในช่วงปี ด้วยยอดขาย 7.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.6 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY)  ยอดขายออนไลน์ในช่วงเวลา 19.00 น. ถึง 22.00น. ตามเวลาฝั่งแปซิฟิกในช่วงไซเบอร์มันเดย์ คาดว่าจะสร้างยอดรายได้มากกว่าหนึ่งวันโดยเฉลี่ยในปี 2561 โดยในช่วงเวลานาทีทองของธุรกิจออนไลน์นี้ จะมีอัตราการคลิกเพื่อซื้อสินค้าสูงสุดในช่วงปี นั่นคือ 7.3 เปอร์เซ็นต์ 


ส่วนยอดขายในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16.5 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายอยู่ที่ 3.3 พันล้านดอลลาร์  ทั้งนี้ เกือบหนึ่งในห้าดอลลาร์ในช่วงเทศกาลนี้จะถูกใช้จ่ายในช่วงระหว่างวันขอบคุณพระเจ้าและไซเบอร์มันเดย์ โดยยอดใช้จ่ายจะอยู่ที่ 23.4 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด  หนึ่งวันปฏิทินที่เพิ่มเข้ามาระหว่างช่วงไซเบอร์มันเดย์และวันคริสต์มาสจะทำให้ผู้ค้าปลีกมียอดขายเพิ่มขึ้น 284 ล้านดอลลาร์  และจำนวนวันที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์จะทำให้ยอดรายได้แตะระดับสถิติใหม่ นั่นคือ ในช่วง 36 วันจะมียอดขายเกินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเพียง 22 วันในปี 2560  ส่วนของขวัญที่คาดว่าจะได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ ทีวี 4K,คอนโซลและเกมวิดีโอย้อนยุค รวมถึงของเล่นต่างๆ เช่น Pomsies, Grumblies และ Fortnite Monopoly

นายจอห์น โคปแลนด์ หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาดและลูกค้าของอะโดบี กล่าวว่า “ขณะที่ยอดช้อปปิ้งออนไลน์พุ่งสูงขึ้นและทำสถิติใหม่อีกครั้งในช่วงเทศกาลวันหยุด ผู้ค้าปลีกที่มีเว็บไซต์ที่น่าสนใจ บวกกับทำเลที่ตั้งห้างร้านที่ดีจะมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง  ผู้ซื้อจำนวนมากต้องการที่จะสัมผัสกับสินค้าและแบรนด์ในร้านค้า และความสามารถในการรับสินค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์จากร้านสาขาในละแวกใกล้เคียงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจมองข้าม”

ผู้ค้าปลีกที่มีร้านค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์คาดว่าจะมียอดขายทางออนไลน์สูงกว่า 28 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผู้ค้าปลีกที่ไม่มีหน้าร้านแบบออฟไลน์  ข้อมูลจาก Adobe Analyticsคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าทางออนไลน์และเดินทางไปรับสินค้าจากที่ร้าน (buying online and picking up items in-store - BOPIS) เพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดนี้ โดยผู้ค้าปลีกทุกรายมียอด BOPIS เพิ่มขึ้น 119 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 และเพิ่มขึ้นกว่า 250 เปอร์เซ็นต์สำหรับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่**  จากผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคกว่า 1,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (47 เปอร์เซ็นต์) มีแผนที่จะเลือกดูสินค้าภายในร้าน แล้วค่อยสั่งซื้อทางออนไลน์ในภายหลัง โดยตัวเลขสัดส่วนดังกล่าวสูงถึง 58เปอร์เซ็นต์สำหรับกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล (Millennial)

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line