แกร็บ เปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในมาเลเซีย

แกร็บ เปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในมาเลเซีย

แกร็บ แพลตฟอร์มการให้บริการออนไลน์สู่ออฟไลน์ผ่านมือถือชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาค หรือ Regional Centre of Excellence (RCoE) แห่งใหม่ ภายในพื้นที่สำนักงานขนาด 54,000 ตารางฟุตที่ได้รับการต่อขยาย โดยศูนย์ความเป็นเลิศแห่งนี้จะเป็นแหล่งรวมกลยุทธ์ธุรกิจหลักและฟังก์ชันการดำเนินงานด้านต่างๆ ของแกร็บ ซึ่งรวมถึง ข้อกฎหมาย ประสบการณ์ลูกค้า บริการทางการเงิน และบริการสร้างสรรค์ การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 2 ที่แกร็บได้กลับเข้ามาลงทุนอย่างแข็งแกร่งในประเทศซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ ต่อจากการเปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งแรกในมาเลเซียเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อบ่มเพาะบุคลากรด้านเทคโนโลยีขั้นสูงของมาเลเซีย ซึ่งศูนย์วิจัยและพัฒนาในมาเลเซียแห่งนี้ นับเป็นแห่งที่ 7 ในแผนงานขยายศูนย์ R&D ของแกร็บไปทั่วโลก ทั้งนี้ การเปิดพื้นที่สำนักงานส่วนขยายใหม่ ได้รับเกียรติจาก ดาโตะ อิกนาเทียส ดาเรลล์ ไลคิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในพิธี


แกร็บจะสร้างงานใหม่ที่มีมูลค่าสูงอย่างน้อย 400 ตำแหน่งในทันที ผ่านการเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาค รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาในมาเลเซียแห่งนี้ ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานทั้งหมดของแกร็บในมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 คน โดย RCoE จะเป็นผู้นำในการพัฒนากลุ่มบุคลากรที่มีทักษะสูงและมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน และเนื่องด้วยแกร็บมีการดำเนินธุรกิจครอบคลุม 336 เมือง ใน 8 ประเทศ บุคลากรเหล่านี้จึงจะได้รับโอกาสในการมองผ่านเลนส์ระดับภูมิภาค เพื่อนำเสนอโซลูชั่นและดำเนินโครงการต่างๆ

ทีมกฎหมายจะให้คำแนะนำเดี่ยวกับกฎระเบียบ นโยบาย และประเด็นทางกฎหมายที่ส่งผลต่อทั้งภูมิภาค ขณะที่ทีมประสบการณ์ลูกค้าจะให้บริการสนับสนุนที่มีคุณภาพแก่ลูกค้าในหลายประเทศ ด้านทีมสร้างสรรค์และออกแบบจะพัฒนาทรัพย์สินเชิงสร้างสรรค์สำหรับโครงการและแคมเปญการตลาดระดับภูมิภาค และทีมบริการทางการเงินจะดำเนินนโยบายการเงิน การจัดซื้อ และการบริหารความเสี่ยงในทุกประเทศที่แกร็บเข้าไปดำเนินธุรกิจในภูมิภาค

สำหรับทีมเทคโนโลยีและวิศวกรรมในศูนย์วิจัยและพัฒนาที่มาเลเซีย จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโซลูชั่นและขีดความสามารถในการสร้างความไว้ใจและความปลอดภัย ที่ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาความปลอดภัยสำหรับประชาชนในมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ แกร็บเดินหน้าเพิ่มการลงทุนระดับโลกในเทคโนโลยีขั้นสูง วิทยาการข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อให้ทุกการเดินทาง ทุกการจัดส่งสินค้า และทุกการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของเราปลอดภัยและเสถียรยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา โดยทีมเทคโนโลยีและวิศวกรรรมของมาเลเซียจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการลดการเกิดอุบัติเหตุที่สามารถป้องกันได้บนแพลตฟอร์มของเราให้เป็นศูนย์

"มาเลเซียมีความภูมิใจที่ได้เป็นบ้านเกิดของสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นอย่างแกร็บ แกร็บเป็นตัวแทนของนวัตกรรม การยืนหยัด ความสร้างสรรค์ การมีไหวพริบทางธุรกิจ และการทำงานหนัก ซึ่งล้วนเป็นค่านิยมที่รัฐบาลตั้งเป้าที่จะปลูกฝังให้เกิดขึ้นในหมู่บริษัทเทคโนโลยีของมาเลเซีย เราดีใจที่ได้เห็นแกร็บมอบประโยชน์กลับคืนให้มาเลเซีย และมุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีในประเทศ ตลอดจนสนับสนุนการถ่ายทอดความรู้ผ่านทางศูนย์ R&D ทั้งนี้ ในฐานะที่แกร็บเป็นซูเปอร์แอปที่ตอบสนองทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันของชาวมาเลเซีย แกร็บจึงไม่เพียงรองรับความต้องการด้านการเดินทางผ่านบริการเรียกรถโดยสารเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสให้กับธุรกิจท้องถิ่นผ่านทางแพลตฟอร์มการส่งสินค้าและการชำระเงิน" ดาโตะ ดาเรลล์ ไลคิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ กล่าวที่งานเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศฯ "นี่คือสิ่งที่มาเลเซียต้องการเพื่อมุ่งไปข้างหน้าตามเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัลที่เราวางไว้ โดยทางกระทรวงฯ ปรารถนาให้บริษัทมาเลเซียจำนวนมากขึ้นที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในเวทีระดับโลก กลับเข้ามาลงทุนอย่างมีคุณภาพในบ้านเกิด เพื่อพัฒนาประเทศชาติ ผ่านการสร้างงานที่มีมูลค่าสูง และบ่มเพาะผู้ประกอบการมาเลเซียรุ่นใหม่"

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "รัฐบาลจะเดินหน้าวางแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของมาเลเซีย เพื่อนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีทางสังคมยิ่งขึ้นไป โดยในบริบทนี้ นโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ระดับชาติ (National Policy on Industry 4.0 หรือ Industry4WRD) และแผนยุทธศาสตร์อีคอมเมิร์ซระดับชาติ (National e-Commerce Strategic Roadmap หรือ NeSR) ถือเป็นแผนแม่บทที่สำคัญในการ 'ดึงดูด สร้างสรรค์ และพลิกโฉม' โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงดูดเทคโนโลยีสำคัญๆ เพื่อสร้างสรรค์ระบบนิเวศดิจิทัลที่เหมาะสม การพลิกโฉมภาคการผลิตและบริการไปเป็น 'ภาคอุตสากรรมแบบอไจล์' และการช่วยให้ผู้ประกอบการมาเลเซีย 'มีความพร้อมสำหรับอีคอมเมิร์ซ' ดังนั้น รัฐบาลจึงขอสนับสนุนความร่วมมือที่ต่อเนื่องระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันให้แผนปฏิบัติการต่างๆ ในแผนแม่บททั้งสองฉบับบรรลุผลสำเร็จ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของเรา"

"การทุ่มลงทุนก่อตั้งศูนย์ความเป็นเลิศระดับภูมิภาคและศูนย์ R&D แห่งล่าสุดในมาเลเซีย คือการดำเนินการของเราในการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของรัฐบาลมาเลเซียที่ต้องการให้ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 และเป้าหมายเศรษฐกิจดิจิทัลของมาเลเซียให้บรรลุผลสำเร็จ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้มาเลเซียปลดล็อคผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น ด้วยการสร้างงานมูลค่าสูง บ่มเพาะคนเก่งด้านเทคโนโลยีเชิงลึก และดึงดูดชาวมาเลเซียในต่างประเทศให้กลับมาทำประโยชน์ให้กับบ้านเกิดมากขึ้น เราไม่เคยลืมรากเหง้าของเราว่า มาเลเซียคือที่ที่เราตั้งแกร็บขึ้นเมื่อเกือบ 7 ปีก่อน ด้วยเป้าหมายที่เรียบง่ายนั่นคือ การแก้ปัญหาความปลอดภัยในการเดินทาง เราเติบโตขึ้นไปไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ให้บริการเรียกรถ โดยวันนี้ เราได้ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์แอปสำหรับทุกวันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจึงย่อมที่จะมอบกลับคืนแก่ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรา" ฌอน โก๊ะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ มาเลเซีย

"การลงทุนเหล่านี้อยู่นอกเหนือพันธกิจที่เราดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คือการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการเดินทางและได้รับความปลอดภัยมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเปิดโอกาสในการสร้างรายได้ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ขับขี่และพันธมิตรด้านการจัดส่งสินค้า และทำให้ธุรกิจท้องถิ่นสามารถใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้และเครือข่ายการจัดจำหน่ายของเรา เพื่อสร้างรายได้ทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ยังมีอีกหลายอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงชีวิตประจำวันของชาวมาเลเซีย เราต้องการที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลมาเลเซียเพื่อพัฒนากฎระเบียบและนโยบายที่ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์  ซึ่งเอื้อให้นวัตกรรมสามารถเติบโต ตลอดจนตอบสนองผลประโยชน์ของชาวมาเลเซียได้มากและดียิ่งขึ้น" นายฌอน กล่าว

 แกร็บมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนแผนแม่บทอุตสาหกรรม 4.0 ของมาเลเซียในด้านต่างๆ ดังนี้:

1.โซลูชั่นการเดินทางที่เชื่อมต่อ ราบรื่น และอัจฉริยะสำหรับทุกคน: แกร็บจะทำให้ชาวมาเลเซียทุกคนเข้าถึงการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น ด้วยบริการขนส่งที่หลากหลายที่สุดซึ่งพร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์มของเรา แกร็บจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับรัฐบาล ผู้ให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะและเอกชน เพื่อตอบสนองความต้องการการเดินทางของชาวมาเลเซียตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

2.ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและโอกาสการสร้างรายได้สำหรับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ขับขี่: 86% ของพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ขับของแกร็บ มีรายได้เสริมนอกเวลาจากการขับแกร็บ โดยพวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 37% นอกเหนือจากงานประจำ อีกทั้ง พาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ขับแกร็บแท็กซี่ยังมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% ต่อวัน เมื่อเทียบกับในอดีตที่พวกเขาต้องอาศัยการโบกเรียกรถตามถนนและการจองรถแท็กซี่ตามปกติเท่านั้น แกร็บจะเดินหน้าสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ขับขี่ และมอบโอกาสการสร้างรายได้ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนด้านการเงิน เครื่องมือเทคโนโลยีที่ดีขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนการฝึกอบรมทักษะและกิจกรรมชุมชนเพิ่มเติมสำหรับพวกเขาและคนที่พวกเขารัก

3.หน้าร้านแบบดิจิทัลสำหรับพารท์เนอร์ที่เป็นผู้ค้าของ GrabFood, GrabRewards และ GrabPay: แกร็บจะช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดเล็ก รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถตั้งค่าสถานะดิจิทัลบนแอปแกร็บ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้และเครือข่ายการจัดจำหน่ายของเราเพื่อสร้างรายได้ทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น

4.การเข้าถึง GrabPlatform เพื่อช่วยสตาร์ทอัพ-พาร์ทเนอร์ขยายธุรกิจของพวกเขา: พาร์ทเนอร์สามารถสร้างบริการของตนเองบน GrabPlatform หรือผนวกรวมชุดเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของแกร็บเข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปของพวกเขาเอง ยกตัวอย่างเช่น GrabPay สำหรับการชำระเงินผ่านมือถือ GrabExpress สำหรับโลจิสติกส์GrabProfiles สำหรับการตรวจสอบผู้ใช้ สิ่งนี้จะช่วยให้พาร์ทเนอร์ของเราเข้าถึงผู้ใช้แกร็บได้โดยตรงและขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

 

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line