“เคอหัว” ติดท็อป 3 ของโลกในตลาด UPS สำหรับอุตสาหกรรม จากรายงานล่าสุดของไอเอชเอส มาร์กิต

“เคอหัว” ติดท็อป 3 ของโลกในตลาด UPS สำหรับอุตสาหกรรม จากรายงานล่าสุดของไอเอชเอส มาร์กิต

บริษัท เคอหัว เหิงเซิง จำกัด (Kehua Hengsheng) ผู้นำด้านโซลูชันพลังงานในประเทศจีน ครองส่วนแบ่งในตลาดเครื่องสำรองไฟ (UPS) สำหรับอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจนครองอันดับ 3 ของโลกในตลาด UPS สำหรับอุตสาหกรรม รวมถึงครองอันดับ 1 ในเอเชีย และอันดับ 3 ในละตินอเมริกา จากรายงานล่าสุดของไอเอชเอส มาร์กิต (IHS Markit) ผู้นำระดับโลกด้านการให้ข้อมูลแก่ภาครัฐ บริษัทข้ามชาติ ไปจนถึงธุรกิจขนาดย่อม


คุณโจอี้ เฉิน ผู้จัดการแผนกธุรกิจต่างประเทศ บริษัทเคอหัว กล่าวว่า “รายงานดังกล่าวมีความสำคัญสำหรับบริษัท เพราะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งของเราในตลาด UPS สำหรับอุตสาหกรรม ทั้งยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าตลาดยอมรับความทุ่มเทของเราในการพัฒนานวัตกรรม เราจะเดินหน้าส่งมอบบริการโซลูชันพลังงานที่ยืดหยุ่น เชื่อถือได้ และมีความรับผิดชอบให้แก่ลูกค้าต่อไป”

 ผลิตภัณฑ์ UPS สำหรับอุตสาหกรรมของเคอหัวมีความปลอดภัย สำรองไฟได้มาก ปรับใช้งานได้ง่าย และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้สะดวก จึงทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพแม้ใช้งานอย่างหนักหน่วง โดยถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในโครงการอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โครงการเคมีบูรณาการและการกลั่นของบริษัท เจ้อเจียง ปิโตรเคมิคัล (Zhejiang Petrochemical) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงโครงการผลิตกรดเทเรฟธาลิกบริสุทธิ์ (PTA) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของบริษัท เหิงหลี่ ปิโตรเคมิคัล (Hengli Petrochemical)

 นับตั้งแต่ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง บริษัทได้ให้การสนับสนุนโครงการมากมายในกว่า 70 เมือง ครอบคลุมทางรถไฟ 100 สาย และสนามบิน 50 แห่ง เช่น โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในปานามา โครงการรถไฟรางเบาในมาเลเซีย โครงการรถไฟในเอธิโอเปีย โครงการอุโมงค์รถยนต์ในสวีเดน โครงการของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง และโครงการของท่าอากาศยานนานาชาติฟาเลโอโล ประเทศซามัว

นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนมหกรรมสำคัญต่างๆ เช่น มหกรรมโอลิมปิกที่ปักกิ่ง และงานเอ็กซ์โปที่เซี่ยงไฮ้ รวมถึงส่งมอบโซลูชันให้กับโรงพยาบาลต่างๆ โดยช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลหลายแห่งในเมืองและเรือพยาบาลในเมียนมา รวมถึงวิทยาลัยแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยลุนด์ และโรงพยาบาลสุราบายาในอินโดนีเซีย

Comments

Share Tweet Line