เต็ดตรา แพ้ค เผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2562

เต็ดตรา แพ้ค เผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2562

เต็ดตรา แพ้ค บริษัทผู้นำเสนอโซลูชั่นการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานความยั่งยืน ประจำปี 2562 ซึ่งนับเป็นปีที่ 21 ของการรายงานความยั่งยืนของเต็ดตรา แพ้ค โดยรายงานนี้ ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินงานต่างๆ  การลงทุน และความมุ่งมั่นในเส้นทางแห่งความยั่งยืนของบริษัทฯ ตลอดจนเผยให้เห็นถึงความสำเร็จของเต็ดตรา แพ้ค ในการบรรลุถึงเป้าหมายของการทำงานด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมวงจรการดำเนินธุรกิจทั้งหมด


โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เต็ดตรา แพ้ค ได้มีพัฒนาการในการนำเสนอรายงานความยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเริ่มจากการมุ่งเน้นความสำคัญของพันธกิจและการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในรายงานฉบับแรกเมื่อปี 2542 มาจนถึงการประเมินผลทุกภาคส่วนของธุรกิจและผลกระทบในแง่ต่างๆ ตลอดจนการควบคุมดูแลประเด็นทางสังคมและการดำเนินงานของซัพพลายเออร์

รายงานความยั่งยืนของเต็ดตรา แพ้ค ยืนยันให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ เพื่อบรรลุเป้าหมายของเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเด็นของการดูแลสภาพอากาศและการลดการปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 13 ของสหประชาชาติ อันเป็นความพยายามในการบรรลุเป้าหมายระยะยาวของข้อตกลงปารีสโดยการลงมืออย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่ตามมา อีกทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจของเต็ดตรา แพ้ค ยังสอดคล้องกับการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ 12 ในประเด็นความรับผิดชอบในการบริโภค เช่น ความยั่งยืนในการลดขยะผ่านมาตรการการป้องกัน การลดการใช้ การนำกลับมารีไซเคิล และการใช้ซ้ำ โดยขณะนี้ เต็ดตรา แพ้ค เดินหน้าแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2563 ไปได้ด้วยดี ด้วยการลดการการสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ทั้งหมดถึง 10 ล้านตัน นับตั้งแต่ปี 2553 ทั่วทั้งวงจรของการดำเนินธุรกิจ

ด้วยการนำทฤษฎีการจัดหาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน และการรีไซเคิล ไปปฏิบัติใช้นี้ เต็ดตรา แพ้ค ตั้งใจลดขยะ ลดการใช้วัตถุดิบ และฟื้นฟูระบบธรรมชาติ โดยตัวอย่างของการจัดหาอย่างยั่งยืน คือ การใช้ทรัพยากรทดแทนได้ ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถปลูกหมุนเวียนขึ้นใหม่เช่น ป่าไม้ การใช้วัสดุจากธรรมชาติและมีการจัดการอย่างรับผิดชอบทำให้เต็ดตรา แพ้ค แตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ในตลาด และเป็นการปกป้องโลกอีกด้วย

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line