โบราณผสานยุคใหม่ แนวคิดผ้าไทยร่วมสมัยใน “ลิขิตแห่งจันทร์”

โบราณผสานยุคใหม่ แนวคิดผ้าไทยร่วมสมัยใน “ลิขิตแห่งจันทร์”

แก้ว บุญจิรา ภักดีวิจิตร ผู้จัดละครค่ายอาหลองกรุ๊ป ได้ดำเนินการสร้างละครลิขิตแห่งจันทร์ ซึ่งเล่าเรื่องราวของสองสาวสองยุคสมัยที่ต้องมาใช้ชีวิตสลับภพกัน โดยเล่าเรื่องคู่ขนานกันไประหว่างยุคปัจจุบัน และยุคอดีตสมัยอยุธยาตอนปลาย ผู้รับผิดชอบออกแบบเสื้อผ้า หรือสไตลิสต์ของเรื่องนี้ คือ คุณเพชรรัตน์ ณ ปัตตานี จึงได้ตีความบทละคร และเสนอแนวคิดร่วมกับผู้จัดว่าอยากให้ชุดไทยในละครลิขิตแห่งจันทร์มีความสวยงามแปลกตา ต่างจากละครเรื่องอื่นๆ เพราะบทละครมีความร่วมสมัยไม่เหมือนใคร คุณเพชรรัตน์ ณ ปัตตานี จึงได้เสาะหาผู้มีฝีมือในการออกแบบลายผ้า จนได้มาพบกับ อาจารย์เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล ผู้เชี่ยวชาญลายไทยและการออกแบบผ้าลายอย่าง ผู้มีผลงานที่โดดเด่นจากการออกแบบผ้า“สุโขทยพัสตร์” ผ้าลายอย่างลวดลายศิลปกรรมสุโขทัย


ขั้นตอนการทำงานกว่าจะได้ผ้าไทย 1 ผืน คือสไตลิสต์จะเข้าไปเลือกลายผ้าที่อาจารย์เศรษฐมันตร์ได้ออกแบบไว้ในคอมพิวเตอร์ ว่าลายนี้เหมาะกับตัวละครบทไหน จากนั้นจึงเลือกโทนสีของผ้าให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของตัวละครนั้น โดยมีการปรับแต่งสีสันของผ้าในคอมพิวเตอร์ก่อนจึงจะสั่งพิมพ์ผ้า เช่น ผ้านุ่งของดวงแก้วซึ่งเป็นสาวเรียบร้อยจะเลือกใช้โทนสีสว่างอ่อนหวาน ส่วนของโฉมที่ขี้อิจฉาริษยาจะใช้สีสดและร้อนแรง ดังนั้นผ้าไทยในละครเรื่องนี้ จึงไม่ได้สวยงามตรงตามยุคสมัยแต่อย่างเดียว หากยังเต็มไปด้วยสีสันที่สะท้อนถึงอารมณ์ความรู้สึกและตัวตนของตัวละครบทนั้นด้วย อีกทั้งลวดลายผ้าที่ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษโดยฝีมืออาจารย์เศรษฐมันตร์นี้ไม่เคยปรากฏในละครเรื่องใด แต่จะถูกนำเสนอผ่านละครลิขิตแห่งจันทร์เป็นเรื่องแรก

ผ้าที่ใช้ในละคร ได้แก่ ผ้าลายอย่าง คือผ้าที่ทางราชสำนักในสมัยอยุธยาออกแบบ เขียนลายส่งไปให้ช่างชาวอินเดียเขียนตาม โดยวิธีการเขียนมือและการพิมพ์ลาย ซึ่งในสมัยนั้นช่วงแรกๆ สยามเรายังไม่สามารถผลิตเองได้ ต้องอาศัยแหล่งผลิตผ้า คืออินเดียที่มีความชำนาญสูง

ความสวยแตกต่าง ของลวดลายบนผืนผ้า มีการประยุกต์ลายไทยโบราณเข้ากับลายที่ออกแบบขึ้นใหม่ แต่อยู่ในรูปแบบโครงสร้างเดิมของลายไทยสมัยอยุธยา ซึ่งอาจารย์เศรษฐมันตร์ถอดแบบลายมาจากจิตรกรรมที่มีการเขียนภาพผ้านุ่งไว้บนผนังของโบราณสถานต่างๆ ที่สร้างในยุคกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาทิ วัดไชยทิศ, วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร บางกอกน้อย, วัดทองนพคุณ คลองสาน และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์

ผ้าลายอย่างที่ใช้ในละครลิขิตแห่งจันทร์ มีผืนที่งดงามเป็นพิเศษ เช่น ผ้าลายเทพสุวรรณใบเทศ พื้นสีเหลืองทองดอกบวบ ที่น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ รับบทดวงแก้ว และโอปอลสวมใส่ ความพิเศษของลวดลายนี้คือ มีที่มาจากจิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณาราม สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเป็นลายที่แกะแบบมาจากลายผ้าบนผ้านุ่งของตัวเทพทวารบาลที่รักษาประตู เขียนขึ้นอย่างละเอียดวิจิตร ที่สำคัญยังเป็นภาพเขียนฝีมือบรมครู อาจารย์ทองอยู่ และ  อาจารย์คงแป๊ะ จิตกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนคำว่าเทพสุรรณที่นำมาตั้งชื่อต้นลายผ้า เพื่อเป็นการยกย่องทวยเทพที่รักษาประตู หน้าต่าง เมื่อนำลายผ้าท่านมาจึงขอตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า “เทพสุวรรณ” ความหมายตรงตัว คือเทพยดา จาก วัดสุวรรณ นั่นเอง

การนำลวดลายมาใช้ อาจารย์เศรษฐมันตร์ได้นำการผูกลายของโบราณมาตกแต่งเพิ่มเติมลวดลายที่ชำรุดให้มีสภาพเหมือนเพิ่งเขียนใหม่ ภาพเดิมพื้นเหลืองจำปา เนื่องจากลายใบเทศชุดนี้มีความงดงาม จึงได้เปลี่ยนสีพื้นออกไปอีก 4 สี รวมของเดิมเป็น 5 สี ท้องผ้าลายดอกประจำยาม ก้านแย่ง สลับลายไปทั้งท้องผ้า สังเวียน กรวยเชิง ใช้ร่วมลาย เพราะลายเดิมไม่ค้นพบ

สีสันของผ้าโบราณ โทนสีของผืนผ้าเลือกใช้สีจากธรรมชาติ เช่น ดิน หิน เปลือกหอย ครั่ง เขม่า และรงควัตถุต่างๆ  สำหรับละครเรื่องนี้ โทนสีผ้าผู้หญิงจะใช้โทนสีขาวสว่าง และสำหรับผู้ชายเป็นสีโทนเข้มขึ้น สีสันของผ้าจะมีความซีดและเนื้อด้าน ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะถอดแบบให้ออกมาคล้ายภาพจิตกรรมฝาผนังที่วาดด้วยสีฝุ่น

เนื้อผ้าที่เลือกใช้ มีทั้งผ้าเนื้อคอตตอนเลียนแบบผ้าโบราณ เน้นความสมจริงแบบสมัยอยุธยา และผ้าซาตินซิลค์ เป็นผ้าสมัยยุคปัจจุบันที่มีลักษณะมันเงา แวววาว และพริ้วไหว ที่แม้จะผ้าซาตินซิลค์จะทอขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่ตั้งใจนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามหรูหราให้แก่ชุดเป็นพิเศษ เช่น ฉลองพระองค์ของเสด็จซึ่งเป็นตัวละครที่มีฐานันดรสูงศักดิ์ในเรื่อง

นับว่าละครเรื่องลิขิตแห่งจันทร์ได้นำผ้ารูปแบบใหม่ๆเป็นผ้าลายประยุกต์ ที่ไม่ได้เฉพาะจงจงว่าเป็นยุคใดมาใช้ ผสมผสานกับผ้าแบบโบราณสมัยอยุธยา เพื่อให้ผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของผ้าในยุคนั้น ซึ่งคาดว่าสมัยอยุธยามีผ้าหลายชนิด แต่ถูกค้นพบไม่มากนักนับเป็นความสร้างสรรค์และใส่ใจในรายละเอียดของทีมเสื้อผ้าละครลิขิตแห่งจันทร์ ที่จะทำให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามแปลกตาของลายผ้าใหม่ๆ ในละครเรื่องนี้ ราวกับกำลังได้ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังในยุคกรุงศรีอยุธยากำลังเคลื่อนไหวอยู่บนผืนผ้าที่ตัวละครสวมใส่ผ่านหน้าจอไปพร้อมกัน

ติดตามชมความงดงามของผ้าไทย ได้ในละคร “ลิขิตแห่งจันทร์” ทุกคืนวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.20-22.35 น. ทางช่อง 3 และช่อง 33 หรือสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Ch3 Thailand.

Comments

Share Tweet Line