เจาะใจ “หม่อมหลวงภาสันต์” นาทีบีบหัวใจ เลือกทางที่ดีที่สุดให้คุณพ่อ “ม.ร.ว.ถนัดศรี” ในวาระสุดท้ายของชีวิต

เจาะใจ “หม่อมหลวงภาสันต์” นาทีบีบหัวใจ เลือกทางที่ดีที่สุดให้คุณพ่อ “ม.ร.ว.ถนัดศรี” ในวาระสุดท้ายของชีวิต

รายการ “เจาะใจ” สัปดาห์นี้ ยังเป็นตอนพิเศษที่ร่วมกับ อลิอันซ์ อยุธยาและชีวามิตร  เกี่ยวกับความรู้การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย   และการวางแผนการจากไปอย่างมีความสุข    ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เราได้สูญเสียบุคคลสำคัญท่านหนึ่งไป นั่นคือ “หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี  สวัสดิวัตน์” ด้วยวัย 93 ปี ซึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้น ท่านชายถนัดศรี ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับการรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งเป็นหัวข้อที่สังคมกำลังให้ความสนใจอย่างมาก ครั้งนี้จึงได้รับเกียรติจาก “หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์”   มาร่วมแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ที่น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่คุณผู้ชมทุกท่าน ผ่านการพูดคุยกับ พิธีกร “ดู๋-สัญญา คุณากร”


 

หม่อมหลวงภาสันต์ เผยว่า “ จริงๆคุณพ่อท่านป่วยเป็นอัลไซเมอร์ แต่ยังคงทำอะไรได้เอง กินข้าวได้เหมือนปกติ มีอาการแค่พูดเสร็จแล้วก็จะลืม ซึ่งคุณพ่อปกติมาก กินได้นอนหลับ ทำอะไรเอง  คุยได้ หัวเราะได้   แค่ท่านอายุมาก ซึ่งตัวผมก็ดูแลท่านบ้าง แต่คนที่ดูแลคุณพ่อเป็นหลักจะเป็นพี่หมึกแดง จนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ที่ผ่าน มา คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปอดบวม ตอนนั้นหมอก็ขอตรวจใหญ่  ทำ PET SCAN ถึงได้เจอว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่เริ่มจากท่อน้ำดี และกระจายไปทั่วร่าง ซึ่งเราตกใจมาก เพราะที่ผ่านมาคุณพ่อไม่เคยแสดงอาการ ไม่มีสัญญาณอะไรเลยที่บอกว่าเป็นมะเร็ง เพราะท่านใช้ชีวิตสบายมาก ตอนนั้นผมติดงานอยู่ที่ญี่ปุ่น  ก็รีบเคลียร์งานแล้วกลับมาประชุมกับหมอ กับพี่หมึกแดงและพี่จิ๋วเลย   ซึ่งโชคดีที่ทีมหมอให้ข้อมูลดี หมอบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าให้เตรียมตัวเตรียมใจ เพราะอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว ปัญหาสำคัญคือมะเร็งของคุณพ่อลามไปที่ปอดทำให้หายใจลำบาก หากจะต้องสอดท่อเข้าปอดเพื่อช่วยหายใจ ก็สามารถทำได้แต่คุณพ่อเจ็บมาก

 

ดังนั้นพวกเรา 3 คนจึงคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการดูแลแบบประคับประคอง คือดูแลไปตามอาการไม่ให้คุณพ่อทรมาน และไม่ให้มีการผ่าตัดหรือเจาะอะไรเลย ให้ประคับประคองไปจนถึงที่สุด เพื่อที่พ่อจะได้ไปอย่างสงบและไม่ทรมาน ซึ่งระหว่างรักษาพ่อกินได้ สบายดี แจ่มใส เราเปิดบทสวดให้พ่อฟังทุกวัน พอใครมาเยี่ยมก็ปิด ช่วงนั้นจะเป็นญาติพี่น้องที่มา สุดท้ายคุณพ่อก็ค่อยๆ จากไปอย่างสงบ ก่อนการตัดสินใจเลือกการรักษาแบบประคับประคอง เวลาที่คนในครอบครัวเราเจ็บป่วยในระยะสุดท้าย เราต้องคำนึงถึงว่าหมอต้องให้ข้อมูลครบ บอกให้ละเอียดเพื่อการตัดสินใจของเรา และญาติพี่น้องทั้งหมดควรจะมาอยู่ด้วยกัน รับรู้พร้อมกัน  ให้เห็นข้อมูลว่าพ่อแม่จะมีอาการอะไรเกิดขึ้นบ้างในอนาคต

 

ต้องรักษาอย่างไร ข้อดีข้อเสียของการรักษา แล้วเราจะเห็นเองว่าควรจะเลือกอะไร ซึ่งพอเมื่อเข้าใจในสิ่งที่จะตามมา และชัดเจนในความต้องการ การจัดการรับมือกับเรื่องนี้ก็จะตรงไปตรงมา กรณีคุณพ่อก่อนหน้าที่จะป่วยหนักเพราะท่านอายุมากแล้ว เราก็ได้มีการเตรียมการไว้หลายๆด้านทั้งด้านสุขภาพ ที่เราเตรียมย้ายท่านไปอยู่ที่บ้านของพี่หมึกแดง เพราะจะได้มีพยาบาลอยู่ดูแลได้อย่างใกล้ชิด ในส่วนของทรัพย์สินก็ได้มีการจัดการโดยพี่ๆก็ได้ตกลงกันแต่งตั้งให้ผมเป็นผู้อนุบาลพ่อตั้งแต่ต้นปี   มีหน้าที่จัดการเรื่องทรัพย์สิน พอจัดการทุกอย่างเสร็จก็ส่งรายละเอียดทุกอย่าง ส่งให้พี่ๆ ส่วนพี่หมึกแดงก็ดู หจก. คือครอบครัวเราเวลามีอะไรก็คุยกันตลอด ผมมองว่าการวางแผนชีวิตถ้าเราต้องป่วยในระยะสุดท้าย หรือการพูดคุยเรื่องแบบนี้กับคนที่เรารักเป็นสิ่งที่ควรทำมากๆ อย่างผมเองก็คิดว่าคงต้องสั่งครอบครัวไว้ว่าอย่าทำอะไรที่มันทรมาน ให้รักษาได้ถ้ายังมีความหวัง แต่ถ้ารักษาไม่ได้แล้วก็ให้ประคับประคองไป อย่าฝืนยื้อให้กลับมา นอนเป็นผักก็ไม่ดีใช่ไหม เหมือนอย่างกรณีคุณพ่อคือเราทำให้พ่อมีความสุขที่สุด ทรมานน้อยที่สุด   นี่เป็นหลักการที่ง่ายมาก ถ้าเป็นผม ผมก็อยากเลือกแบบนี้”

Comments

Share Tweet Line