Save the Children จัดงาน ห่วงใย #เด็กไทยไม่จมน้ำ เหตุเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทย

Save the Children จัดงาน ห่วงใย #เด็กไทยไม่จมน้ำ เหตุเสียชีวิตอันดับ 1 ของเด็กไทย

Save the Children องค์กรระหว่างประเทศ ดำเนินงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็ก โดยการสนับสนุนจาก แฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น จัดงาน ห่วงใย #เด็กไทยไม่จมน้ำแสดงผลงานของโรงเรียนที่เข้าร่วม “โครงการจัดการเรียนรู้เรื่องการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด”โดยงานแสดงผลงานจัดขึ้นในวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 ณ สปอร์ต ซิตี้ ถนนประชาชื่น โดยโครงการได้นำร่องพื้นที่ปลอดภัยจากภัยจมน้ำให้แก่โรงเรียนและชุมชน เพื่อลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็ก ผ่านการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ และการสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดในโรงเรียนระดับประถมศึกษา ซึ่งตลอดปีการศึกษา 2562 ที่ผ่านมา โครงการนี้ได้สร้างเยาวชนผ่านการฝึกอบรมทักษะการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และรู้วิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำกว่า มากกว่า 4,000 คน สร้างบุคลากรครูที่มีความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำได้กว่า 300 คน จาก 8 โรงเรียนนำร่อง


ข้อมูลทางสถิติจาก สํานักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุว่า ปี พ.ศ. 2561 พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตมากถึง 681 คน ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน มีอัตราการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กมากกว่าในช่วงอื่นของปี เดือนเมษายน 84 คน รองลงมาคือเดือนมีนาคม 76 คน และเดือนพฤษภาคม หรือ 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กตลอดทั้งปี สำหรับสาเหตุของการเสียชีวิต เกินครึ่งเกิดระหว่างการชวนกันไปเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และเด็กส่วนใหญ่ขาดทักษะการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และไม่รู้วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ข้อมูลยังระบุอีกว่าเด็กเล็ก สามารถจมน้ำได้ในน้ำที่ลึกเพียง 1-2 นิ้ว และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแหล่งน้ำภายในบ้านและบริเวณใกล้เคียง

คุณประเสริฐ ทีปะนาถ ผู้อำนวยการองค์การช่วยเหลือเด็ก  “Save the Children ในฐานะองค์กรที่มุ่งเน้นการดูแลความปลอดภัยของเด็กได้จัด โครงการจัดการเรียนรู้เรื่องการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2559 โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น  มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนและครอบครัว รวมถึงชุมชน มีความตระหนักรู้และมีทักษะในการป้องกันการจมน้ำ โดยคุณครูสามารถจัดแผนการเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ และการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาทั้งภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีแบบบูรณาการ ผ่านคู่มือการจัดการเรียนรู้ที่ Save the Children ได้ร่วมกับคุณครูภายใต้ 3 สังกัด ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และกรุงเทพมหานคร ล่าสุดในปีการศึกษา 2562 มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 8 โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร (โรงเรียน ประกอบด้วยเด็กนักเรียน จำนวน 4,360 คน และ คุณครู-บุคลากร จำนวน 321 คน และได้จัดงาน ห่วงใย #เด็กไทยไม่จมน้ำ เพื่อแสดงผลงานของนักเรียนและครู เปิดโอกาสให้เกิดพื้นที่การเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ ต่อยอดการนำผลงานไปประยุกต์ใช้ในการทำงานป้องกันเด็กจมน้ำ รวมทั้งแสดงความขอบคุณทุกภาคส่วนในการสนับสนุนโครงการ และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจากทั้ง 3 สังกัด ด้วย”

เด็กนักเรียนในโครงการได้เรียนรู้ทักษะสำคัญ  5 ด้านทักษะความปลอดภัยทางน้ำ ได้แก่

  • เรียนรู้จุดเสี่ยง และพฤติกรรมเสี่ยงต่อการจมน้ำ โดยเน้นหลัก “อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม”
  • ทักษะการลอยตัวในน้ำได้อย่างน้อย 3 นาที
  • ทักษะการเคลื่อนที่ในน้ำได้อย่างน้อย 15 เมตร
  • ทักษะการช่วยเหลือคนตกน้ำอย่างถูกต้อง ด้วยหลักการ “ตะโกน โยน ยื่น”
  • ทักษะการใช้ชูชีพอย่างถูกต้อง

ด้าน ครูเอ๋ – ปรีชา หงส์นฤชัย จากโรงเรียนวัดเวตะวันธรรมาวาส โดยเป็นครูที่มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่โรงเรียนฯ อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ ดังนั้น เมื่อก่อนมักจะเกิดเหตุการณ์เด็กในโรงเรียนเสียชีวิตจากการจมน้ำอย่างน้อยปีละ 1 คน โดยพอได้รู้จักกับโครงการนี้ ทางโรงเรียนจึงได้ส่งคุณครูไปร่วมอบรมกับทาง Save The Children โดยส่วนตัวของครูก็ว่ายน้ำไม่เป็นเช่นกัน แต่เมื่อได้เข้าร่วมอบรม ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น และนำความรู้เหล่านั้นมาสอนให้กับนักเรียนของเราอีกทีในคาบทักษะชีวิต การเอาตัวรอดในวิชาลูกเสือ โดยจากที่นักเรียนไม่สามารถว่ายน้ำได้ ตอนนี้กว่า 90% ของนักเรียนเราสามารถเอาตัวรอดจากแหล่งน้ำต่างๆ ได้ และตอนนี้จากที่ต้องไปเรียนสระว่ายน้ำที่อื่น ในอนาคตอันใกล้โรงเรียนก็กำลังจะมีสระว่ายน้ำภายในโรงเรียนเอง 

Save the Children มีแผนดำเนินโครงการจัดการเรียนรู้เรื่องการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างต่อเนื่องในปีการศึกษา 2563 และหวังว่าโครงการนี้จะสามารถขยายผลสู่โรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศ ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมสนับสนุนโครงการฯ และติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการได้ทาง Facebook: Save the Children Thailand 

Comments

Share Tweet Line