ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งเกียร์ห้าจับมือหลายหน่วยทั้งงบประมาณ ทั้งอาชีพสร้างอนาคตเด็กไทย

ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งเกียร์ห้าจับมือหลายหน่วยทั้งงบประมาณ ทั้งอาชีพสร้างอนาคตเด็กไทย

ผู้ตรวจการแผ่นดินเผยความคืบหน้าการผลักดันโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ หลังลงนามความร่วมมือกับ 4 กระทรวงหลักกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมส่งไม้ต่อทุกหน่วยขับเคลื่อนทั้งเงิน ทั้งงาน คาดเปิดหลักสูตรดีเดย์เมษา 63 เตรียมรับ 6,251 ชีวิต


 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่าปีนี้มีนักเรียนจบการศึกษาภาคบังคับจาก 75 จังหวัด จำนวน 460,190 คน เรียนต่อในระบบโรงเรียน จำนวน 441,298 คน ไม่ได้เรียนต่อในระบบโรงเรียน จำนวน 18,892 คน มีนักเรียนตอบรับเข้าร่วมโครงการฝึกทักษะอาชีพ จำนวน 6,251 คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเตรียมไว้เข้าโครงการถึงจำนวน 4,731 คน ถือว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จที่มีนักเรียนจำนวนมากตอบรับเข้าฝึกอาชีพก่อนก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อพัฒนาทักษะและฝีมือตนเองเพื่อสร้างอาชีพเลี้ยงครอบครัวและสร้างรายได้ให้มากกว่าอัตราแรงงานขั้นต่ำ เบื้องต้นสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดได้พานักเรียนเข้าศึกษาดูงาน ดูความพร้อมของสถานที่ฝึก เครื่องมือและเครื่องจักรในแต่ละสาขา มีการแนะแนวและแนะนำเกี่ยวกับความต้องการของตลาดแรงงานในแต่ละสาขา จำนวนรายได้และความก้าวหน้าในอาชีพ คาดว่าเริ่มเปิดฝึกอบรมในช่วงเดือนเมษายน 2563 ใช้ระยะเวลาการฝึกตามหลักสูตร 2-4 เดือน ฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบกิจการอีก 1-2 เดือน จังหวัดที่มีนักเรียนเข้าศึกษาดูงานแล้ว เช่น สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดกำแพงเพชร ในสาขาช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างซ่อมเครื่องยนต์ ช่างสีรถยนต์ ช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ช่างเชื่อม ช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถขับเคลื่อนได้อย่างปราศจากอุปสรรคได้ประสานหลายหน่วยเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน สำหรับงบประมาณที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานได้รับไม่เพียงพอในปีงบประมาณ 2563 ได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยประสานผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนในจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดให้การสนับสนุนโครงการตามที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเสนอโครงการเพื่อขอรับเงินอุดหนุน ในกรณีที่นักเรียนคงเหลือไม่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้ให้กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ประสานและส่งข้อมูลไปยังสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมอาชีพตามหลักสูตรของ กศน. จังหวัดต่อไป รวมทั้งขอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อให้คำปรึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด สำนักงานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำการบริหารและการใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้การสนับสนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง เงินสงเคราะห์กองทุนคุ้มครองเด็ก และเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวยากจน อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

 นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่าเพื่อให้โครงการดังกล่าวมีความยั่งยืนจึงมีแนวทางการจัดตั้งงบประมาณในการฝึกอบรมในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564  และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป โดยขอให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และในกรณีสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานหรือสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดร้องขอและเสนอโครงการไปยังสำนักงานจังหวัดให้กระทรวงมหาดไทยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัด รวมถึงเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย

“โครงการนี้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างชีวิตสร้างอนาคตแทนที่จะส่งบุตรหลานของท่านไปทำงานทันทีที่จบการศึกษาขอเวลาให้กับลูกหลานของท่านหน่อยสัก 3-6 เดือน ได้ฝึกอาชีพที่สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งมีทุกจังหวัดแล้วคุณภาพชีวิตของบุตรหลานท่านจะเปลี่ยนไป” นายสมศักดิ์ กล่าว

Comments

Share Tweet Line