โอกิลวี่ ประเทศไทย เปิดแนวรบธุรกิจ Customer Experience & Consulting

โอกิลวี่ ประเทศไทย เปิดแนวรบธุรกิจ Customer Experience & Consulting

โอกิลวี่ ประเทศไทย รุกธุรกิจ “การสร้างประสบการณ์ลูกค้าและที่ปรึกษาทางธุรกิจ” (Customer Experience & Consulting) ติดอาวุธให้ธุรกิจสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในยุคที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมหาศาล ดึงตัว สตีเว่น แลดด์ นั่งแท่นผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาทางธุรกิจ การจัดการ และบริหารเทคโนโลยี ดูแลการวางกลยุทธ์การใช้ดาต้า เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพลิกโฉมแบรนด์และธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน


สตีเว่น แลดด์ กล่าวว่า "ในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในยุคนี้ นักการตลาดต้องฉับไว ต้องเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีมาสร้างประสบการณ์ที่แฝงด้วยความคิดสร้างสรรค์และโดดเด่นเฉพาะตัว หน้าที่ของเราคือการออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์ส่วนบุคคลที่ได้ทั้งประสิทธิภาพและเหนือชั้น ยิ่งไปกว่านั้น เรายังช่วยเหลือลูกค้าของเราในการแสวงหาเทคโนโลยีสำหรับการตลาดยุคใหม่ที่เหมาะสมเพื่อนำมาใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ของแบรนด์”

บริการต่าง ๆ ที่โอกิลวี่สามารถพัฒนาให้ลูกค้าภายใต้การนำของสตีเว่น แลดด์ ครอบคลุมตั้งแต่ การสร้างความผูกพันกับลูกค้า การสร้างโอกาสในการขาย การให้คำปรึกษา และการพัฒนาโซลูชั่นด้านดิจิทัลเพื่อพลิกโฉมธุรกิจ (Digital Transformation) ซึ่งทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงสู่ระบบการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) กลยุทธ์การมัดใจลูกค้า อีคอมเมิร์ซ โซเชียลคอมเมิร์ซ การออกแบบและให้คำปรึกษาด้านการสร้างประสบการณ์ลูกค้า และการวิเคราะห์ดาต้า ซึ่งสตีเว่นมีประสบการณ์อันแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียจากการร่วมงานกับลูกค้าชั้นนำมากมายที่อยู่ในรายชื่อ Fortune 500 ในธุรกิจต่าง ๆ ทั้งบริการทางการเงิน โรงแรม ท่องเที่ยว ค้าปลีก พลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค และเวชภัณฑ์ ในหลายประเทศ ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศไทย

นพดล ศรีเกียรติขจร ประธานบริษัท โอกิลวี่ ประเทศไทย เสริมว่า “การสร้างทีมคอนซัลติ้งที่ครอบคลุมดาต้าและเทคโนโลยีภายใต้การนำของสตีเว่นขึ้นมาโดยเฉพาะนี้เป็นไปเพื่อให้โอกิลวี่สามารถนำเสนอโซลูชั่นการตลาดที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างครบวงจร วันนี้ โอกิลวี่เป็นมากกว่าเอเจนซี่ที่ทำเรื่องการสื่อสาร แต่เราคือเอเจนซี่ที่เสนอโซลูชั่นแบบ End-to-End ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้าง “growth hack” หรือโอกาสและความเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างทันที และในระยะยาว นอกจากทีมของสตีเว่นในประเทศไทยแล้ว เรามีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,200 คนทั่วโลกที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยีการตลาดหรือมาร์เทคโดยเฉพาะ โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนคือเราต้องสามารถนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาผนวกใช้กับดาต้าและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์การตลาดและธุรกิจของลูกค้าได้อย่างมีกลยุทธ์”

 

Comments

Share Tweet Line