ชิป 5G Modem V510 ของ UNISOC ช่วยขับเคลื่อนจุดรับสัญญาณ 5G CPE ของ China Unicom

UNISOC ซัพพลายเออร์ชิปเซ็ตการสื่อสารเคลื่อนที่และ IoT ชั้นนำระดับโลก ประกาศว่า ชิป 5G Modem V510 ของทางบริษัท กำลังทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนจุดรับสัญญาณ 5G CPE VN007 (Customer Premise Equipment) ของ China Unicom โดยจุดรับสัญญาณ 5G CPE นี้วางจำหน่ายในราคา 999 หยวน ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และเปิดทางให้ผู้ใช้เข้าถึงโลกอัจฉริยะที่เชื่อมต่อถึงกัน

จุดรับสัญญาณ 5G CPE ดังกล่าว เชื่อมต่อระบบ Wi-Fi LAN ของผู้ใช้ เข้ากับเครือข่ายสื่อสาร 5G ของผู้ให้บริการมือถือ ช่วยให้โทรศัพท์ทั้งรุ่นที่รองรับ 5G และไม่รองรับ 5G เข้าถึงเครือข่าย 5G ความเร็วสูงได้ผ่านทาง Wi-Fi

UNISOC V510 เปิดโอกาสให้บูรณาการได้มากขึ้นแต่ใช้พลังงานน้อย โดยชิปทรงประสิทธิภาพนี้สามารถปรับใช้กับเครือข่าย 5G สองโหมดทั้ง NSA และ SA ได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการที่อุปกรณ์ NSA ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่าย 5G ในพื้นที่ที่มีเครือข่าย SA ครอบคลุมอยู่ สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติสำคัญยิ่ง ในช่วงเวลาที่เครือข่าย SA กำลังขยายขอบเขตการให้บริการอย่างรวดเร็วในปี 2020 ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับ 5G ได้มากยิ่งขึ้น

UNISOC V510 รองรับความถี่ 5G ทั้ง n78/n41/n79 ทำให้เครือข่ายพื้นฐานมีความครอบคลุม ซึ่งเปิดทางให้ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์บรอดแบนด์ซูเปอร์ไฟเบอร์ไร้สายอย่างแท้จริง และนอกเหนือไปจากตลาดบรอดแบนด์และอุปกรณ์ในครัวเรือนแล้ว การออกแบบชิปเกรดอุตสาหกรรมของ UNISOC V510 ยังเหมาะกับการใช้งานที่กว้างขวาง ทั้งเครือข่ายไร้สายระดับองค์กร เครือข่ายแคมปัส และระบบ IoT 5G เชิงอุตสาหกรรม

UNISOC V510 มาพร้อมกับคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือการรองรับ VoNR ซึ่งเป็นบริการสนทนาด้วยเสียงคุณภาพสูงผ่าน 5G ความหน่วงต่ำ ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ VR ให้สมจริงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ UNISOC V510 ยังรองรับเครือข่าย 2G ถึง 5G ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน

การเปิดตัวจุดรับสัญญาณ China Unicom 5G CPE นับเป็นอีกหนึ่งหลักชัยในความร่วมมือระหว่าง UNISOC กับ China Unicom ถัดจาก NB-IoT โดยสะท้อนให้เห็นความสมบูรณ์ของ UNISOC V510 ในการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม 5G ของจีน และเป็นขุมพลังสำหรับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในยุคที่สิ่งต่าง ๆ เชื่อมต่อถึงกันอย่างอัจฉริยะ