5 เรื่องที่เห็นหลังจากบุนเดสลีกากลับมาฟาดแข้ง

5 เรื่องที่เห็นหลังจากบุนเดสลีกากลับมาฟาดแข้ง

5 เรื่องที่เห็นหลังจากบุนเดสลีกากลับมาฟาดแข้ง


 

เรื่องที่1 บรรยากาศในสนามเงียบเหงา

หลังจากที่ได้ชมการแข่งขันฟุตบอล บุนเดสลีก้า ทั้งวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะคู่บิ๊กแมตซ์เมื่อวันเสาร์ระหว่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบกับ ชาลเก้ 04 ช่างเป็นภาพบรรยากาศที่แฟนๆบอลไม่คุ้นเคยอย่างแน่นอนกับบนอัฒจันทร์ที่ว่างเปล่าไล่เสียงเชียร์ที่เคยดังกึกก้องทั่วสนามเมื่อครั้งก่อนเกิดไอ้เจ้าโควิดระบาดไปทั่วโลกแต่ครั้งนี้ดูช่างเงียบเหงาซะเหลือเกินแต่นี่ก็คือ New Normal ที่หลังจากนี้การชมฟุตบอลไม่ว่าจะลีกไหนทั่วโลกในยุคที่ยังไม่มีวัคซีนโควิด-19 ก็ต้องเตะกันแบบนี้ผู้ชมอย่างเหล่าๆก็ต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ แต่ยังไงก็ยังดีกว่าไม่มีบอลให้ดูถึงจะเหงาๆหูไปบ้างถึงจะได้ยินเสียงสตั๊ดกระแทกลูกบอลกับเสียงของตะโกนสั่งการของพวกสต๊าฟโค้ชที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ถือว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบแต่โดยรวมก็ถือว่าไม่เลวกับการชมฟุตบอลแบบใหม่ในช่วงเวลาเช่นนี้

เรื่องที่2 ท่าดีใจแบบ New normal

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากีฬาฟุตบอลถ้าจะให้ไม่โดนตัวกันคงเป็นไปไม่ได้เพราะการที่ต้องเข้าประกบตัวผู้เล่น การยืนตั้งกำแพง การเข้าประทะที่หนักหน่วงแบบถึงลูกถึงคน ยังไงมันก็ต้องโดนตัวหรือใกล้ชิดกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงและคงจะเห็นภาพแบบนี้ไปอีกนานก็คือ การแสดงความดีใจแบบ New Normal ที่นักเตะจะเว้นระยะห่างพยายามไม่โดยตัวกันดังที่เราได้เห็นมาในหลายๆสนาม เช่น เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ เจ้าของประตูแรกของศึกบุนเดสลีกา ต้องใช้ท่าดีใจแบบ “บลูทูธ” พอยิงเข้าปุ๊บ ก็ต้องไปหามุมโยกเบาๆ โดยที่เพื่อนที่เข้ามารุมดีใจไม่มีการโดนตัวกันเลย เป็นต้น

เรื่องที่3 เหล่านักเตะสำรองนั่งเว้นระยะห่าง

ภาพอีกภาพที่ดูไม่คุ้นตาก็คือเหล่าบรรดานักเตะสำรองและทีมงานสต๊าฟโค้ชสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในสนามและนั่งเว้นระยะห่างกันตามหลัก social distancing อย่างเข้มงวด ไม่มีการจับมือหรือกอดกันก่อนและหลังจบเกมภาพบรรยากาศแบบนี้อาจจะดูแปลกตาแต่อีกไม่นานเราก็คงจะคุ้นตาไปกันเอง

เรื่องที่ 4 กฎ กติกา ใหม่จากฟีฟ่า

สิ่งที่เราเห็นอีกอย่างคือเรื่องของการเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่างเกมได้5 คนโดยหยุดเกมได้ไม่เกิน3ครั้ง ไม่นับช่วงเวลาพักครึ่ง ซึ่งเราจะเห็นได้จากหลายๆทีมในบุนเดสลีกา ที่ผ่านมา การที่ออกกติกาแบบนี้เพราะหลังจากที่ฟุตบอลห่างหายไม่ได้เตะกันมานานทำให้แต่ละทีมต้องรักษาความฟิตของนักกีฬาเพราะโปรแกรมหลังจากนี้จะเตะกันถี่มากขึ้น โดยเฉพาะของบุนเดสลีกาในช่วงวันที่ 22-31 พฤษภาคม แต่ละทีมจะเตะกันไม่น้อยกว่าทีมละ 3 นัด ในเวลาห่างกันไม่เกิน 10 วัน ถือว่าเป็นโปรแกรมที่โหดมากๆ

เรื่องที่5 สภาพความฟิตของนักกีฬา

อย่างที่พูดไปข้างต้นว่าจากโปรแกรมที่เตะถี่มากเพราะฉะนั้นเรื่องความฟิตคงเป็นสิ่งที่สโมสรแต่ละแห่งคงต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนจะถึงคิวลงฟาดแข้งเพราะถ้าสภาพร่างกายของนักกีฬาไม่ฟิตพอสมควรกับการลงเล่นระดับอาชีพแบบนี้คงส่งผลเสียกับการที่จะเก็บคะแนนสำคัญเอาไว้ได้ ตัวอย่างเช่น ชาลเก้04 ที่ต้องพบกับ ดอร์ทมุนด์ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า เรื่องความฟิตถือว่าเป็นรองอย่างมากเรียกได้ว่า ชาลเก้ 04 ขับเคลื่อนทีมด้วยการเดินมากกว่าจะวิ่งด้วยซ้ำ จ่ายบอลขาดๆ เกินๆ ตลอดเวลา เกมรุกไม่น่ากลัว จบเกมโดนเสือเหลืองถล่มไปถึง4-0 กันเลยทีเดียว ทีมไหนที่สามารถเรียกความฟิตนักเตะออกมาได้มากกว่าในช่วงที่ต้องลงเตะในช่วงนี้ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง

สุดท้ายนี้ถึงแม้การดูฟุตบอลแบบใหม่จะไม่คึกคัก ฮึกเฮิม เหมือนเดิม แต่อีกหลายๆประเทศก็คงต้องทำตาม “โร้ดแม็ป” ของบุนเดสลีกา ที่กลับมาแข่งได้ก่อนประเทศอื่นๆ อย่างแน่นอนแต่ไม่ว่าจะยังไงความสุขของคนชอบฟุตบอลอย่างเราก็คงจะยิ้มและดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีฟุตบอลให้ดูเพราะตลอดสองเดือนที่ผ่านมากับโลกที่ไม่มีฟุตบอลมันช่างทรมานเหลือเกิน ว่าไหมล่ะเพื่อนๆ

Comments

Share Tweet Line