สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก จับมือ Smile Train เปิดตัวโครงการยกระดับการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่

สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก จับมือ Smile Train เปิดตัวโครงการยกระดับการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่

- โรคปากแหว่งเพดานโหว่คือความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดบนใบหน้าและปากที่พบมากที่สุด


- โรคปากแหว่งเพดานโหว่เกิดจากอวัยวะและโครงสร้างบางส่วนของร่างกายไม่ประสานกันในช่วงพัฒนาการของตัวอ่อนในครรภ์ จนส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของปาก เหงือก และเพดานปาก

- แม้จะได้รับการผ่าตัดแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่แล้ว เด็กยังคงมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นที่จะเกิดฟันผุ โรคปริทันต์ และปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ เมื่อเติบโตขึ้น

- การดูแลฟันอย่างเฉพาะเจาะจงและสม่ำเสมอ ควรเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการดูแลเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาสุขภาพช่องปากและป้องกันโรคในช่องปาก

สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก (FDI World Dental Federation) ผนึกกำลังกับ Smile Train โดยได้รับการสนับสนุนจาก GSK Consumer Healthcare เพื่อเปิดตัวโครงการระยะเวลา 2 ปี ที่มีเป้าหมายในการยกระดับแนวทางการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่องสำหรับเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่

FDI และ Smile Train จะร่วมกันพัฒนาแหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปากสำหรับทันตแพทย์และผู้ดูแลผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ รวมถึงจัดทำสื่อการสอนสำหรับผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่และคนในครอบครัว เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปาก ความท้าทายของการดูแลสุขภาพช่องปากหลังการผ่าตัดแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่ และให้คำแนะนำที่จำเป็นในการดูแลสุขภาพช่องปาก

Dr. Kathryn Kell ประธาน FDI กล่าวว่า “โรคปากแหว่งเพดานโหว่เกิดขึ้นกับเด็ก 1 ใน 700 คนทั่วโลก เฉพาะในอินเดียประเทศเดียว เราคาดว่ามีเด็กที่เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่วันละ 100 คน และเด็กหลายคนไม่รอดชีวิต ส่วนในสหรัฐอเมริกา ทุกๆ 75 นาทีจะมีเด็กหนึ่งคนเกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ด้วยเหตุนี้ FDI จึงมุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ป่วยที่เปราะบางกลุ่มนี้” 

การฟื้นฟูและดูแลเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการพยาบาล ศัลยกรรมตกแต่ง ทันตกรรมสำหรับเด็ก การบำบัดการพูด และทันตกรรมจัดฟัน แต่บริการส่วนใหญ่ไม่มีในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีวันได้รับการดูแลรักษาแบบครบวงจรอย่างที่ควรได้รับ ด้วยเหตุนี้ Smile Train จึงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการฝึกอบรมทีมดูแลผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ในท้องถิ่น และจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพ

Susannah Schaefer ประธานและซีอีโอของ Smile Train กล่าวว่า “เราตั้งใจเน้นย้ำบทบาทความสำคัญของทันตแพทย์ที่มีต่อทีมดูแลผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ เด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ต้องได้รับการดูแลสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคในช่องปากมากกว่าปกติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพช่องปากต้องให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขอนามัยในช่องปากแก่ผู้ป่วยและครอบครัว เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพช่องปากที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

Jayant Singh ผู้อำนวยการด้านสุขภาพช่องปากของ GSK กล่าวว่า “GSK ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพช่องปากที่ดีและสุขอนามัยของทุกคน รวมถึงผู้ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ การดูแลผู้ป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่แบบครบวงจรเป็นจุดสนใจสำคัญภายใต้ความร่วมมือกับ Smile Train และทันตแพทย์ก็มีบทบาทสำคัญในส่วนนี้ เรายินดีที่ FDI ตัดสินใจทำงานร่วมกับ Smile Train ในโครงการระยะเวลา 2 ปี ซึ่งอาจพลิกชีวิตผู้ป่วยจำนวนมาก และยินดีที่ GSK ได้ให้เงินทุนสนับสนุนโครงการนี้”

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line